รู้สึกประทับใจกับผลงานการเสียบกิ่งโดยใช้กรรไกรจากไต้หวันอันนี้มากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมะกรูด มะนาว มะเดื่อ มะหม่อน…อิอิ ..ใช้ดี..คุ้มค่าจริงๆค่ะ
ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ กับการไปเที่ยวชมขอความรู้เรื่องบัว จากสถานีวิจัยบัวและถ่ายทอดเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (บางพระ จ.ชลบุรี) งานนี้ได้เจอนาบัวเพาะเลี้ยงที่ปลูกสร้างแบบก่ออิฐถือปูนเป็นบ่อสี่เหลี่ยม ความลึกของบ่อก็คงแล้วแต่สายพันธุ์บัว แต่ละบ่อก็จะมีบัวหลากสายพันธุ์ชูดอกสลอนรับแสงแดดยามสาย มองไปแล้วสดชื่นสุดๆค่ะ
หลังจากที่ได้ดื่มน้ำรากบัวแสนอร่อยที่ทางสถานีบัวแจกให้ชิม ก็ได้เวลาออกเจาะลึกบัวแต่ละบ่อกันแล้วค่ะ อ้อ ลืมบอกไป อย่าลืมอุปกรณ์สำคัญนะคะ “ร่ม” นั่นเองคะ ต้องตระหนักไว้เสมอว่าหน้าเราไม่ใช่ดอกบัวที่รับแดดแล้วสวยสด เพราะเราจะสวย..ส(ล)ด ค่า…อิอิ
พร้อมแล้ว…ตามมาชมบัวกันเลยจ้า
อ๊ะ…ขอขัดความสำราญเล็กน้อยค่ะ ต้องขอเสนอความรู้เกี่ยวกับบัวมานำเสนอกันหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าเราหาเรื่องไปเซลฟี่กับดอกบัวอย่างเดียว..อิอิ
บัว ถูกจัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
(1) บัวหลวง หรือภาษาปะกิดเรียกว่า Lotus จ้ะ บัวหลวงมีทั้งสีขาวและสีชมพูนะคะ แต่ถ้าจะดูกันให้ชัดๆต้องดูที่ใบค่ะ เพราะใบของบัวหลวง คือ…ใบ…เอ๊ะ..งงเลย ก็เพราะว่าใบของบัวหลวงจะกลมไม่มีรอยเปิดบนตัวใบ ด้านบนของใบจะคล้ายกำมะหยี่ทำให้ไม่เปียกน้ำ ก้านใบมีหนามเล็กๆและคมแข็ง
(2) บัวสาย หรือ Waterlily พวกนี้จะมีหลายสกุล และในหนึ่งสกุลก็มีหลายชนิด เอาเป็นว่าประมาณลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนั่นเอง จะขอยกตัวอย่างบัวสายบางสกุลนะคะ เช่น
(2.1) บัวกระด้ง ก็บัวที่มีใบใหญ่ๆและขอบใบตั้งเหมือนกระด้งนั่นไงคะ ใบสามารถใหญ่ได้ถึง 2 เมตรเลยทีเดียว และดอกก็จะค่อยเปลี่ยนสีจากขาวเป็นชมพูในที่สุด
(2.2) บัวจาน อันนี้จะคล้ายบัวกระด้ง แต่ขอบใบไม่ยกตั้ง ดอกสีฟ้า-คราม
(2.3) บัวญี่ปุ่น เพราะต้นพันธ์มาจากญี่ปุ่น แต่เติบโตได้ดีในบ้านเรา ใบจะเป็นรูปลูกศร กลีบเลี้ยงเป็นสีเหลืองสด
(2.4) บัวสาย อ๊ะ..อันนี้เป็นต้นสกุลของแม่สายบัวป่าวเนี่ย..อิอิ บัวสายแสนสวยนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
(2.4.1) บัวยักษ์ออสเตรเลีย
(2.4.2) บัวสายบานกลางวันเขตร้อน
(2.4.3) บัวสายบานกลางคืนเขตร้อน
(2.4.4) บัวสายบานกลางคืนอเมริกา
(2.4.5) บัวสายยืนต้นหรือบัวฝรั่ง เท่าที่สังเกตจากในบ่อ บัวฝรั่งนี่ ดอกจะกลมๆคล้ายถ้วย มักเจริญเติบโตแนวนอน และโผล่พ้นน้ำเล็กน้อย สรุปว่าเป็นบัวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่เดียว มิน่าล่ะนักวิจัยถึงนิยมนำมาผสมเป็นพันธ์ใหม่ๆสีสวยๆ
พักวิชาการ ไปดูบัวสวยๆต่อดีกว่าค่ะ
อันนี้ บัวกระด้งค่ะ ใหญ่โตสมคำร่ำลือ แถมหนามเพียบค่ะ
ไปชมบัวอื่นๆกันต่อค่ะ
ส่วนอันนี้ ขอบอกว่าเป็นดอกบัวที่เล็กที่สุดที่ admin เคยเห็น ตั้งแต่เกิดมาได้ 18 (x2) ปีเลยค่ะ เล็กจริงมั้ย ไปชมค่ะ
ว้าว…ดอกบัวอะไรเนี่ย ดอกใหญ่กว่าหัวไม้ขีดไม่เท่าไหร่เอง น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มดีจริงๆ สำหรับถิ่นกำเนิดของบัวจิ๋วชนิดนี้ก็คงจะที่ ชามใส่พริกดองน้ำส้มนี่เองค่ะ..55
เอาละคะ กลับมาวิชาการอีกสักนิดนะคะ มางานนี้ไม่ได้ลองปลูกบัวก็คงถูกกล่าวหาว่าพามาทัวร์ชะโงกกันพอดี มาที่นี่เจ้าหน้าที่ใจดีมากมายค่ะ ให้อุปกรณ์แล้วยังให้ปลูกบัวมังคลอุบล (มัง-คะ-ละ-อุ-บน) ดีกรีของเธอเป็นถึงบัวรางวัลตัวแรกของไทยเลยนะคะ
น่าสนใจใช่ไหมคะ ไปดูการปลูกกันเลยค่ะ
ขั้นแรก เตรียมดินค่ะ อ๊ะ!!! ความรู้ใหม่ในรอบ 18(x2) ปีอีกแล้วค่ะ!!! ว่าดินที่เค้าขายสำหรับปลูกบัวเป็นถุงๆแข็งๆเหมือนน้ำตาลมะพร้าวน่ะค่ะ เราต้องเอามาตากแดดก่อนซัก 1 วันแล้วทุบๆ ดินไม้ให้เป็นก้อนก่อนค่ะ แล้วค่อยนำมาใช้ ก่อนปลูกก็เอาปุ๋ยเม็ด 15-15-15 รองก้นกระถางก่อนค่ะ
จากนั้น นำดินปลูกบัวที่ได้เตรียมไว้ใส่ลงไปเลยจ้า
ขั้นตอนสำคัญ จับเหง้าบัวขึ้นมาดูทิศของยอด จากนั้นตัดรากที่ไม่จำเป็นทิ้ง รวมถึงเหง้าที่ไม่มียอดออกบ้าง
จากนั้นก็เริ่มปลูกกันเลยจ้า โดยเอายอดไว้ด้านบน และวางเหง้าบัวไว้ชิดขอบด้านหนึ่งของอ่างกลม เนื่องจากมังคลอุบลเป็นบัวที่รากเติบโตในแนวนอน และเหลือใบบัวไว้เพียง 2-3 ใบก็พอ จะได้ไม่มาแย่งอาหาร
แล้วก็กดดินปลูกรอบๆยอดแบบเบามือ กะให้พอดีกับเหง้าบัวยึดดินได้
จากนั้น จึงเติมน้ำให้เต็ม แต่ระวังนะคะ น้ำประปาควรใส่กะละมังทิ้งไว้ 1 คืนให้คลอรีนตกตะกอนก่อนนำมาใส่อ่างบัวนะคะ หลังจากอนุบาลจนแข็งแรงแล้วก็ทำแบบเดียวกันแต่ย้ายไปอ่างใหญ่ใบจริงได้เลยค่ะ
อันนี้ปลูกแล้วเจ้าหน้าที่ใจดี ก็แจกบัวมังคลอุบลที่เราได้ลองปลูกนี้ให้เรากลับบ้านได้ด้วยนะคะ เริ่ดเลอค่ะ
ตบท้ายอีกนิดก่อนออกจากสถานีบัววันนี้ มาดูรูปบัวรางวัลบางส่วนดีกว่าค่ะ
เลอค่ามากค่ะ สนใจรีบไปชมต้นจริงดอกจริงที่สถานีบัว ที่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (บางพระ จ.ชลบุรี) กันนะคะ รับรองประทับใจไม่แพ้ทุ่งดอกไม้ชนิดอื่นเลยจ้า
ก็เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีกันแล้วนะคะ ทำให้เริ่มนึกถึงบรรยากาศไปเดินงานแฟร์หน้าหนาว (หนาวนิดๆ) เดินดูร้านขายต้นไม้สวยๆแปลกๆ แล้วก็อุดหนุนร้านอาหารนานาชนิดโดยเฉพาะร้านของคณะต่างๆโดยมีเหล่านิสิตนักศึกษาหน้าอ่อนๆมายืนต้อนรับและเชิญชวนให้เข้าไปลิ้มลองอาหารจานเด็ดของครัวคณะนั้นๆ
มาเริ่มกันด้วยงานแฟร์เอาใจคนชลบุรีและพื้นที่ใหล้เคียงกันก่อนดีกว่า เพราะบ้านเราก็อยู่ชลบุรี อิอิ
***งานเกษตรบางพระแฟร์ จ.ชลบุรี”เทิดพระเกียรติองค์ภูมิพลมหาราชา ร่วมใจพัฒนาสู่ AEC” ***
วันที่ 4-12 ธันวาคม 2558
สถานที่จัดงาน : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ จ. ชลบุรี
ในงานมีการให้บริการวิชาการที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิเช่น
– การผลิตและจำหน่ายอาหารอย่างปลอดภัย จากสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
– การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จากสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
– การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผักและผลไม้ จากสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
และที่ admin สนใจมากๆและไม่พลาดแน่ๆ คือ
-อบรมการทำดอกบัวแห้ง จากสถาบันบัวราชมงคลตะวันออก ในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 เวลา 9.00-17.00 น.
นอกจากนี้ admin ยังแอบโทรไปถามเพิ่มเติมจากสถาบันบัวมาว่าจะมีการอบรมการปลูกบัวสายพันธุ์ต่างๆ วันที่ 5 ธันวาคม 2558 และเปิดให้ชมบัวชนะรางวัลในทุกวันช่วงมีงานแฟร์ **คนรักบัวไม่ควรพลาด**
สนใจรายละเอียดต่างๆก็ชมได้ในสูจิบัตรได้เลยค่ะ วันหยุดอย่างนี้ไปหาความรู้ พร้อม ชม ชิม ช็อปในงานดีๆกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://forum.eduzones.com/topic/10607
สวัสดีค่ะ เหตุมันเกิดเมื่อวันพระคราวก่อนค่ะ admin จะผัดเผ็ดปลาใส่บาตร ด้วยความเป็นมือโปรด้านทำอาหารมาก ใช่ค่ะ ลืมซื้อพริกไทยอ่อน ว่าแล้วก็แล่นไปร้านขายของชำหน้าหมู่บ้าน ที่ร้านขายของชำนี้มีหมดค่ะ ไม่ว่าจะผักสด หมูสับ กุ้ง หมึก ของแห้ง ของคาว ฯลฯ (เอาเป็นว่าร้านสะดวกซื้อควรมาศึกษางานดูค่ะ) …แต่น..แต๊น..เจอแล้วพริกไทยอ่อน รีบถามแม่ค้าเลยค่ะว่าขายยังไง คำตอบน่ะเหรอค่ะ…..ขีดละ 50 บาท….( ห๊า…โลละ 500 เชียวเรอะ แพงกว่าผลไม้นอกบางอย่างซะอีก ) ว่าแล้วก็แทบจะนับเม็ดซื้อกันเลยทีเดียว
พอกลับมาบ้านก็แอบเดินไปดูต้นพริกไทยที่ปลูกในกระถางไว้ได้เกือบปี เดือนก่อนทำท่าจะออกฝักแล้วก็ร่วงไปหมด ทำให้ย้อนคิดไปเมื่อปีก่อนตอนไปซื้อต้นพันธ์ุพริกไทยมา 6 ต้น จากสวนในอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ยอมรับเลยว่าสวนพริกไทยเนี่ยสวยจริงๆ อารมณ์ประมาณสวนอังกฤษเลยทีเดียว ไม่เชื่อไปดูพริกไทยในวงบ่อที่วางประดับทางเข้าบ้านสวนกัน
admin ว่ามันสวยกว่าพวกต้นสนที่เราประดับกันซะอีก โดยเฉพาะตอนที่มีพวงพริกไทยน้อยพราวอยู่เต็มต้นอย่างนี้
เป็นยังไงบ้างคะ ชักจะสนใจปลูกต้นพริกไทยกันขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ งั้นไปดูวิธีเพาะต้นพริกไทยกันค่ะ อันนี้เป็นข้อมูลจาก http://research.rae.mju.ac.th/raebase/index.php/knowledge/2013/705-paper-in-ware
1. ภาชนะเพาะชำ ใช้ขวดน้ำอัดลมพลาสติกที่ใช้แล้วขนาดลิตร 1.25 ขึ้นไป ตัดขวดน้ำอัดลมพลาสติก ยาวประมาณ 6 นิ้ว โดยใช้ มีดคัตเตอร์ นำด้านล่างขวดที่ได้ ไปทำการเจาะรูโดยใช้ตะปูขนาด 3 นิ้ว เผาไฟแล้วทำการเจาะ
2.วัสดุเพาะชำ ใช้ขี้เถ้าแกลบ (แกลบดำ) 1 ส่วน ดินชั้นบน (ดินดำ) 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักดินที่ผสมแล้วใส่ในขวดน้ำอัดลมให้เต็ม แล้วเคาะดินให้แน่นใช้บัวรดน้ำให้ดินชุ่ม
3. นำกิ่งพันธุ์พริกไทย โดยใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่ง ตัดเฉียงกึ่งกลางข้อปล่อง ให้มีข้อปล่องตั้งแต่ 4 ปล้องขึ้นไปเหลือใบยอดไว้ประมาณ 1-3 ใบ ปักลงในดินที่เตรียมไว้ในขวดพลาสติกน้ำอัดลม โดยให้ข้อปล่องข้อที่ 2 จมลงในดิน แล้วใช้นิ้วกดรอบ ๆ กิ่งชำให้แน่น
4. นำถุงพลาสติกใสขนาด 6×11 นิ้ว ครอบกิ่งชำลงไป ถึงกึ่งกลางขวดน้ำอัดลมพลาสติก เสร็จแล้วเอาหนังยางรัดให้แน่น เพื่อป้องกันการคายน้ำของต้นพริกไทย นำไปวางเรียงไว้ในที่ร่ม ประมาณวัน 30 วันจะเห็นรากพริกไทยงอกและยอดพริกไทยเริ่มเจริญเติบโต ก็เอาหนังยางออกแต่ยังไม่ต้องนำถุงพลาสติกออกปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน ค่อยดึงถุงพลาสติกออก ก็จะได้ต้นพริกไทยต้นใหม่แล้ว
จากนั้นก็หากระถางขนาดไม่ต่ำกว่า 12 นิ้วหรือจะเป็นเข่งเล็กๆที่ขายตามร้าน 20 บาทก็ได้ค่ะ ลงปลูกหลังจากได้ต้นกล้าที่แข็งแรงแล้ว อ้อ …อย่าลืมหาค้างให้น้องพริกไทยได้พันด้วยนะจ้ะ
ดูแล้วไม่น่ายากนะคะ แต่อย่าถาม admin นะคะว่าทำไงให้ผลิดอกออกผล เพราะตอนนี้ admin ก็ยังจนปัญญา มีต้นแต่ต้องไปอุดหนุนร้านชำ มันแสนช้ำใจ …เฮ้อ…
สวัสดีค่ะ วันนี้ admin จะขอมาคุยเรื่อง “ดิน” กันบ้างนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครเป็นเหมือน admin มั้ยที่ตอนนั่งรถไปต่างจังหวัดแล้วชอบดูวิวข้างทาง อ๊ะ..ใช่..ใครๆเค้าก็ทำกัน (จะให้นั่งมองหน้าคนขับตลอดเวย์รึไง)…แต่มีใครบ้างไหมคะที่เคยจัดอันดับพื้นที่ดินดีในดวงใจ …อา…เคยกันบ้างป่าวล่ะ..สำหรับ admin นะคะขอมอบตำแหน่งดินดีในดวงใจ (ตัดสินด้วยสายตาอย่างเดียว เพราะว่าแค่นั่งรถผ่าน ไม่เคยได้ลงสัมผัสแบบถึงเนื้ิอถึงตัว อิอิ)ให้กับอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ค่ะ ผ่านเส้นทางนั้นตอนช่วงเมษายนมา 2-3 ปีแล้ว ประทับใจกับสีของดินแถวนั้นที่เค้าไถเตรียมการเพาะปลูก (คิดว่าน่าจะเป็นมันสำปะหลังนะคะ) แต่มาลองคิดดู แค่สีดินอาจจะบอกอะไรไม่ได้มาก เวลาเราจะปลูกอะไรก็ควรให้ความสำคัญกับชนิดและความสมบูรณ์ของดินในแปลงเพาะปลูกของเราก่อนก็น่าจะดี จะได้ไม่เปลืองค่าน้ำ ค่าปุ๋ย และไม่มาเพลียว่าทำไมพืชพรรณเรามันไม่งอกงาม ผลิดอกผลดีเท่าที่ควร จริงมั้ยคะ
งั้นมาดูข้อมูลที่หาได้จาก อัยย์แล็ปดอทเอเซีย ค่ะ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม และข้อควรรู้
– อุปกรณ์เก็บดิน พวกจอบ เสียมหรือพลั่ว ต้องสะอาด
– ถุงหรือผ้าพลาสติกสำหรับใส่ดินตัวอย่าง
– หากที่ดินเป็นผืนใหญ่ และปลูกพืชต่างชนิดกัน ควรแบ่งแปลงดินออกเป็นส่วนตามพื้นที่และชนิดพืช โดยแต่ละแปลงไม่ควรเกิน 25 ไร่
– ควรเก็บตัวอย่างดิน 1-2 เดือนก่อนปลูกพืช และควรส่งตรวจดินทุกๆ 2-3 ปี
ขั้นตอนการเก็บดิน
(1) ดินสำหรับพืชรากสั้นพวกแปลงข้าว และพืชไร่ ควรเก็บดินแบบกระจายประมาณ 15 จุดทั่วแปลง
(2) ดินสำหรับพืชรากลึก พวกพืชสวน ควรเก็บตัวอย่างดินรอบๆต้นพืช 15-20 ต้นต่อแปลง รอบทรงแบบกระจายประมาณ 15 จุดทั่วแปลง
(3) ขุดหลุมเป็นรูป V ลึกประมาณ 1 หน้าจอบ จากนั้นใช้จอบเซาะดินที่ขอบหลุมขึ้นมาเต็มหน้าจอบ แล้วตัดดินทั้งสองข้างทิ้ง เก็บส่วนกลางใส่กระป๋องพลาสติก
(4) คลุกดินที่เก็บมาทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งดินมา ครึ่งกิโลกรัม ใส่ถุงพลาสติก (ถ้าดินเปียกให้ผึ่งในร่มให้แห้งก่อน ห้ามนำดินไปตากแดดโดยเด็ดขาด)
(5) ส่งตัวอย่างดินเข้าแล็ป เลือกได้ค่ะว่าจะเป็บแล็ปเอกชนหรือจะเป็นกรมพัฒนาที่ดิน ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ราคาคงไม่ต่างกันมากแต่เรื่องเวลาอันนี้ไม่ทราบค่ะ
น่าสนใจใช่มั้ยคะ เหมือนเดิมค่ะ …ต้องลอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://www.ilab.asia/ilab/iLab_howto.html